วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก 10 อันดับ!!!

University of Hong Kong
เริ่มต้นกันด้วยอันดับ 10 เป็นมหาวิทยาลัย University of Hong Kong
มหาวิทยาลัยจากฮ่องกง แห่งนี้ไต่อันดับขึ้นมาจากปีที่แล้วจากอันดับ 21 มาติดอันดับ 10 ในปีนี้ถือว่าเป็นการพัฒนาการที่ก้าวกระโดดและน่าสนใจเป็นอย่างมาก น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยถ้าจะไปเรียนที่นี่
 ETH Zurich
ส่วนอันดับ 9 นั้นได้แก่มหาวิทยาลัย ETH Zurich
สถาบันการศึกษาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สำหรับความสามารถด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี ของมหาวอทยาลัยแห่งนี้ บอกได้เลยว่าเต็มเปี่ยมอยู่ในอันดับท็อปเทนของเราในครั้งนี้ได้เช่นเคย ถึงแม้ว่าจะร่วงลงมา 1 อันดับจากการจัดอันดับในปีที่แล้วก็ตามที
National University of Singapore
ต่อกันด้วยอันดับ 8  มหาวิทยาลัย National University of Singapore
มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ แห่งนี้มีพัฒนาการที่ดีและไต่อันดับขึ้นมา 1 อันดับจากปีที่แล้ว และที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือมหาวิทยาลัยจากสิงคโปร์ล้วนแล้วแต่ปรับอันดับดีขึ้นทั้งนั้นส่งผลให้เห็นว่าการศึกษาในสิงคโปร์นั้นมีคุณภาพมากๆ และไม่ไกลจากบ้านเราน่าสนใจไม่น้อยเลยน่ะครับ
University of California, Berkeley
ต่อกันกับอันดับ 7 มหาวิทยาลัย University of California, Berkeley
ใครที่สนใจเรียนด้านคอมพิวเตอร์ที่มีคุณภาพ สถาบันในอเมริกาแห่งนี้ก็นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ เพราะว่าสถาบันการศึกษาแห่งนี้ติดอันดับเข้ามาทุกครั้ง ถึงแม้ว่าปีนี้จะร่วงลงมาจากอันดับ 4 ในปีที่แล้วก็ตามที
ต่อกันด้วยอันดับ 6 มหาวิทยาลัย Harvard University
มหาวิทยาลัยยอดเยี่ยมของโลกในสาขาคอมพิวเตอร์ ซึ่งอัดแน่นด้วยคุณภาพการสอนและงานวิจัยที่ยอดเยี่ยมได้รับอันดับ 6 ไปครองในปีนี้ ที่สำคัญพี่ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง facebook เคยเรียนอยู่ที่นี่ด้วยน่ะครับ
 University of Cambridge
มาถึงครึ้งทางกับอันดับ 5 มหาวิทยาลัย University of Cambridge
เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่จากอังกฤษ ติดโผเข้ามาในอันดับที่ 5 ของปีนี้ โดยมีความโดดเด่นในเรื่องของผลตอบรับจากนายจ้างที่พอใจบัณฑิตที่จบไปมากๆ ซึ่งเป็นผลให้ไต่อันดับจากที่ 7 ในปีที่แล้วขึ้นมาถึง 2 อันดับในปีนี้นั่นเอง
 Carnegie Mellon University
เดินทางมาถึงอันดับ 4 มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon University
CMU มหาวิทยาลัยที่มีความพร้อมและความแข่งแกร่งในด้านของสาขาคอมพิวเตอร์ โดยจากผลคะแนนด้านการเรียนการสอนมีเพียง MIT เท่านั้นที่เหนือกว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้
University of Oxford
แล้วก็มาถึงอันดับ 3 มหาวิทยาลัย University of Oxford
เป็นมหาวิทยาลัยที่เกห่าแก่จากอังกฤษอีกหนึ่งสถามัยน ที่ไต่จากอันดับ 6 ในปีก่อนมาติดถึงอันดับ 3 ในปีนี้ ใครสนใจจะไปศึกษาที่นี่ก็ลองเตรียมตัวกันไปน่ะครับ
 Stanford University
และอันดับ 2 ได้แก่ มหาวิทยาลัย Stanford University
มหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้รับคะแนนความโดดเด่นด้านการวิจัยที่เป็นเลิศ และถึงแม้ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในด้านของการบริหาร แต่ว่าในด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี ก็มีความเป็นคุณภาพเช่นเดียวกันจึงทำให้กลายเป็นรองแชมน์ของปีนี้ไปนั่นเอง
Massachusetts Institute of Technology
และก็มาถึงอันดับ 1 มหาวิทยาลัย Massachusetts Institute of Technologyนับเป็นสถาบันที่มีความสุดยอดทางด้าน IT จริงๆสำหรับ  MIT ที่ปีนี้ยังรักษาชื่อเสียงของสถาบันด้านเทคโนโลยีอันดับ 1 ของโลกไว้ได้เช่นเคย ด้วยความเป็นเลิศด้านวิชาการ การเรียนการสอนคุณภาพสูง นักศึกษาได้เข้าไปเรียนนี่ล้วนแล้วแต่เป็นระดับหัวกระทิจากทั่วโลก และน่าจะเป็นที่ 1 ของโลกไปอีกหลายปีอย่างแน่นอนเลย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับ 10 อันดับ มหาวิทยาลัยดีที่สุดในโลกด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี ที่เรานำมาฝากทุกท่านกันในวันนี้ ต้องบอกเลยว่าแต่ละมหาวิทยาลัยนั้นล้วนแล้วแต่มีคุณภาพและถือเป็นสุดยอดมหาวิทยาลัยของโลกจริงๆเลย สำหรับใครที่กำลังหาที่เรียนต่อในด้านของเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์ละก็เลือกดูตามใจชอบเลยน่ะครับ ถ้าจบจาก 1 ใน 10 ของมหาวิทยาลัยที่กล่าวไปนี้ กลับมาเมืองไทยไม่ตกงานอย่างแน่นอนครับ

วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สถานที่สยองขวัญ รอบโลก

สถานที่สยองขวัญ รอบโลก

สถานที่สยองขวัญ : อันดับ 10 สุสานมัมมี่ ปานาโม อิตาลี (LAS CATACUMBAS DE LOS CAPUCCINOS)
 10 สุดยอด สถานที่สยองขวัญ รอบโลก
เป็นสุสานใต้ดินเก่าแก่ ตั้งอยู่ใต้อารามนักบวชคาปูชิน แห่งโบสถ์ฟรานซิสกัน ของคริสต์ศาสนานิกายคาทอลิก ที่เมืองปาร์เลอโม เกาะซิซิลี ที่นี่มีซากมัมมี่กองเต็มไปหมด เปรียบเหมือนชุมชนแออัด ถึงขนาดศพที่มาทีหลัง ไม่มีที่พอให้ยืน ต้องถูกแขวนไว้กับตะขอบนผนัง และถ้าเดินเข้าไปก็จะเจอแต่ศพนั่ง นอน ยืน! บางศพยังคงสวมเครื่องแต่งกายเหมือนเมื่อครั้งยังมีชีวิตด้วย ทั้งยังมีมัมมี่เด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบ ชื่อ โรซาเลีย ลอมบาร์โด (ROSALIA LOMBARDO) ที่ดองไว้ 70 – 80 ปีแล้วซึ่งหน้าตานั้นเหมือนเพียงคนนอนหลับ สถานที่นี้เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว (ด้วยหรือ??) เป็นเวลา ใครอยากไปต้องหาข้อมูลเสียก่อน!
สถานที่สยองขวัญ : อันดับ 9 อุโมงค์ที่ฝรั่งเศส กรุงปารีส (Pont de L’Alma)

 อุโมงค์ที่ฝรั่งเศส กรุงปารีส

สถานที่ซึ่งเจ้าหญิงไดอาน่าประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2540 และยังคงเป็นปริศนาค้างคาใจคนทั้งโลก ว่าอุบัติเหตุหรือถูกฆาตรกรรม เพราะในคืนที่เกิดโศกนาฏกรรม มีการเปลี่ยนเส้นทางรถยนต์ไปยังอุโมงค์ Pont de L’Alma อย่างไม่มีเหตุผล ทั้งๆ ที่จุดหมายเดิม คือการเดินทางไปยังอพาร์ตเมนต์ของฝ่ายชาย และทำไมวิทยุสื่อสารของตำรวจในกรุงปารีส เกิดใช้การไม่ได้โดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่รถยนต์พระที่นั่งของเจ้าหญิงเดินทางเข้าสู่อุโมงค์ จนเกิดเหตุร้าย และไม่สามารถติดต่อสื่อสารเพื่อขอรับการช่วยเหลือ เพื่อรักษาพระชนม์ชีพของพระองค์ได้อย่างทันท่วงที เป็นความบังเอิญจริงหรือ? ใครๆ ที่ไปเที่ยวที่อุโมงค์ฝรั่งเศส ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า บรรยากาศวังเวง น่ากลัว!
สถานที่สยองขวัญ : อันดับ 8 เทือกเขาร็อกกี้ โคโลราโด (Colorado Rockies)
 เทือกเขาร็อกกี้ โคโลราโด
สถานที่สยองขวัญ คือภูเขา ซึ่งเกิดคดีมนุษย์กินคน ที่ไม่ใช่คนป่า ปี 1874 ในฤดูหนาวที่อากาศหนาวจัด คณะนักสำรวจหกคน ได้ขุดอุโมงค์ในหุบเขาโคโลราโด ต่อมาอุโมงค์เกิดถล่ม การสื่อสารถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และต่อมาในฤดูใบไม้ผลิ มีเพียงคนเดียวที่มีชีวิตรอดกลับมาจากหุบเขาโคโลราโด โดยอยู่ในสภาพสมบูรณ์แข็งแรงดี เขาคนนี้มีนามว่า อัลเฟร์ด แพคเกอร์ แต่สุดท้ายเขาก็ถูกจับกุม ในข้อหากินเพื่อน เพื่อให้ตนเองมีชีวิตรอด หรือเห็นเพื่อนค่อยๆ ตายไปทีละคน จึงเกิดความเสียดาย!
สถานที่สยองขวัญ : อันดับ 7 หมู่เกาะปาปัวนิวกินี (Papua New Guinea)
 หมู่เกาะปาปัวนิวกินี
ปาปัวนิวกินี เป็นเกาะอยู่ทางเหนือ ของทวีปออสเตรเลีย ประกอบด้วยประชากรกว่า 700 ชนเผ่า แต่ละเผ่าต่างคนต่างอยู่ การเดินทางไปมาหาสู่กันลำบากมาก เพราะพื้นที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน ใครอยากเห็นมนุษย์กินคนก็ต้องเดินทางเข้าไปลึกหน่อย โชคดีอาจไปทันคืนพิธีเฉลิมฉลองชัยชนะและกินซุปเนื้อมนุษย์ ซึ่งวิธีปรุงซุปนั้นง่ายมาก นำน้ำใส่หม้อดินขนาดใหญ่ ต้มให้เดือด บั่นศพมนุษย์ที่ตายทั้งสองฝ่ายให้มีขนาดเป็นชิ้นพอที่จะใส่ลงในหม้อได้ นำผัก มัน และเผือก ใส่ตามลงไป ต้มจนสุกและเปื่อย เป็นอันเสร็จพร้อมกิน ส่วนคนที่ยังไม่ตายก็มัดไว้ก่อนและค่อยๆ ฆ่าให้ตาย นำมาปรุงเป็นอาหาร กินเลี้ยงกันในคืนต่อๆ มารองเท้าหนัง ถุงเท้า ตลอดจน เสื้อผ้า ก็ถูกนำมาต้มจนเปื่อย และกินจนหมดสิ้นเช่นเดียวกัน สำหรับหัวกะโหลก เก็บไว้เป็นเครื่องประดับตามบ้านเรือนสวยงามมาก แต่ปัจจุบันใครไปเยือน อาจอดเจอซุปเนื้อคน เพราะตอนนี้มีกฎหมายออกมาว่า ห้ามกินเนื้อคนไม่ว่าศัตรูหรือนักท่องเที่ยว!
สถานที่สยองขวัญ : อันดับ 6 โรงงานนรก “ค่ายเอาชวิตซ์” (Auschwitz)
 โรงงานนรก สถานที่สยองขวัญ รอบโลก
โรงงานนรก
สยองที่สุด ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กับ “ค่ายเอาชวิตซ์” (Auschwitz) ใกล้เมืองเอาชวิตซิน ค่ายกักกันนี้สร้างขึ้นเพื่อสังหารชาวยิว ด้วยการรมแก๊สพิษและเผาในเตาเผา ฆ่าเหยื่อมาแล้วถึง 1 ล้านสองแสนคน จากทั่วยุโรป จำนวน 22 ล้านคน โดยขนไปทางรถยนต์ รถไฟ และเรือเดินสมุทร ปัจจุบันสภาพยังเหมือนเดิมทุกประการ ไม่ว่าเตารมแก๊ส เตาเผา ค่ายพัก คุก มีกลิ่นแห่งความตายฝังแน่น พร้อมกัความวังเวง ปัจจุบัน เอาชวิตซ์เป็นจุดท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจมากที่สุดแห่งหนึ่งของ โปแลนด์
สถานที่สยองขวัญ : อันดับ 5 ปอมเปอี (Pompei) 
 ปอมเปอี สถานที่สยองขวัญ
ปอมเปอี เมืองเก่าสมัยกลาง ตั้งอยู่บริเวณภาคใต้ของคาบสมุทรอิตาลี ริมอ่าวเนเปิล เมืองนี้เป็นชุมชนซึ่งก่อตั้งสมัยก่อนคริสต์ศักราช โดยอยู่ใต้อิทธิพลของกรีก ต่อมาราว 80 ปีก่อนคริสตกาล กลายเป็นเมืองตากอากาศฤดูร้อนของชาวโรมัน หลังตกเป็นอาณานิคมของอาณาจักรโรมัน กระทั่งถูกภูเขาไฟระเบิด ถล่มทั้งเมือง ตอนนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สยองขวัญมาก มีการหล่อรูปคนตายในท่าที่ถูกลาวาทับไว้ ปรากฏเป็นท่าหนีตายของชาวเมืองปอมเปอี ความหวาดกลัวต่อความตายยังตราติดอยู่บนดวงหน้าศพ บางซากนั่งเอามือปิดหน้า บางซากซบอยู่กับกำแพง ปอมเปอี จึงได้อีกชื่อว่า“ซากเมืองแห่งความตาย” ปัจจุบันเมืองโบราณ ปอมเปอี ได้รับการฟื้นฟู และขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1997
สถานที่สยองขวัญ : อันดับ 4 หอคอยลอนดอน (Tower of London)
  คุก และหอคอยลอนดอน
หอคอยลอนดอน ประเทศอังกฤษ สถานที่เกิดเหตุแห่งประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ยาวนานกว่า 900 ปี นองเลือด ซับซ้อนซ่อนเงื่อน เคยเป็นป้อมปราการ, ปราสาทราชวัง, คุก แดนประหาร เป็นสถานที่ตัดหัวของแอนน์ โบลีน พระสนมในพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ซึ่งทุกวันนี้ วิญญาณแอนน์ โบลีน ยืนหิ้วหัวตัวเองและร้องครวญอย่างทรมาน ผสานเสียงกับอีกหลายวิญญาณที่ทนทุกข์ทรมานอยู่ในหอคอยแห่งนี้ ทั้งเสียงหวีดร้อง เสียงลากโซ่ และปรากฏให้เห็นเป็นระยะ จึงทำให้ที่นี่โด่งดังเรื่องความหลอนตลอดกาล ปัจจุบัน หอคอยลอนดอน เป็นพิพิธภัณฑ์เก็บเครื่องมือทรมาน และเครื่องมือประหารนักโทษแบบสุดโหด ของยุคกลาง
สถานที่สยองขวัญ : อันดับ 3 ปราสาทของวลาด ดารคู ทรานซิลวาเนีย โรมาเนีย
 ปราสาทของวลาด ดารคู ทรานซิลวาเนีย โรมาเนีย
ปราสาทแห่งนี้เป็นที่มาของนิยายผีดูดเลือด แดรกคิวล่า เล่ากันว่า เจ้าชายจอมเสียบ วลาด ดารคูลา ผู้เป็นเจ้าของปราสาท ชอบจับเหล่าเชลยมาเสียบด้วยไม้แหลม จากก้นจนทะลุขึ้นไปซีกบน แล้วนำมาเรียงรายยาวตลอดกำแพงเมือง หรือ สนามหญ้ากว้าง วันไหนครึ้มอกครึ้มใจ เจ้าชายจะเสวยมื้อเย็น พร้อมดูการเสียบประหาร เพิ่มอรรถรส ปัจจุบันปราสาทนี้ยังอยู่บนยอดสูง มีบันไดให้สามารถเดินขึ้นไปชมได้
สถานที่สยองขวัญ : อันดับ 2 อัลคาแทรซ ซานฟรานซิสโก (Alcatraz)  
อัลคาแทรซ, ซานฟรานซิสโก
อัลคาแทรซ (Alcatraz) คุกที่มีชื่อเสียงที่สุดของอเมริกา สถานที่คุมขัง อัลคาโปน เจ้าพ่อชื่อดัง ภายในคุกสยอง วังเวง และเรียกกันอีกชื่อว่า เดอะร็อก เป็นคุกที่ไม่มีใครแหกสำเร็จ ถึงแม้จะมีนักโทษพยายามใช้ของชิ้นเล็กๆ ตัดซี่กรงเหล็กและแอบว่ายน้ำหนีออกไป แต่ก็ไม่สามารถรอดไปได้ นักโทษหลายคนตายในห้องขังที่นี่ ส่วนหนึ่งตายเพราะบาดแผลติดเชื้อ และนี่เองเป็นที่มาของเสียงประหลาดมากมาย เช่น เสียงตัดเหล็ก เสียงปิดประตูห้องขัง เสียงหวีดร้องจากใต้ดิน และความรู้สึกถูกจ้องมอง ปัจจุบันคุกนี้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และสามารถค้างคืนได้ด้วย!
สถานที่สยองขวัญ : อันดับ 1 อนุสรณ์สถานแห่งคิลลิ่ง ฟิลด์ (Killing Field)
อนุสรณ์สถานแห่งคิลลิ่ง ฟิลด์
ใครจะว่าไงไม่รู้ แต่ยกให้สถานที่นี้คือที่สุดแห่งความสยอง อนุสรณ์สถานแห่งคิลลิ่ง ฟิลด์ ประเทศกัมพูชา ตามประวัติศาสตร์อันแสนหดหู่ ที่นี่คือสถานรำลึกความโหดร้ายในยุคเขมรแดง ซึ่งนำโดยเฮียพอลพต ที่สั่งฆ่าชาวเขมรนับล้าน เกิดศพมากมายนับไม่ถ้วน จนกลายเป็นกะโหลกไร้ญาติ ไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ตายเป็นใคร รวมไว้ที่อนุสรณ์แห่งนี้ วันดีคืนดีอาจได้ยินเสียงกะโหลกร้องระงม ได้ยินแล้วขนลุก อีกหนึ่งสถานต้องยกให้ ตุล สาเลช คุกเถื่อน ซึ่งในอดีตเป็นโรงเรียนมัธยม มีคนถูกฆ่าไม่เว้นวัน และบางรายถูกนำมาทรมานเยี่ยงสัตว์ก่อนตายอย่างสยอง

วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556

ความลับของวิหารพาร์เธนอน

"บิล เกตส์" ยังครองแชมป์มหาเศรษฐีโลก


ฟอร์บส์เผย 10 อันดับมหาเศรษฐีโลก ปี 2013

ฟอร์บส์เผย 10 อันดับมหาเศรษฐีโลก ปี 2013

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  juicytings.com , microsoft.com , celebritynetworth.com

          นิตยสารฟอร์บส์ เผย คาร์ลอส สลิม เฮลู และครอบครัว เจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมจากเม็กซิโก ยังคงครองอันดับเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของโลกคนปัจจุบัน ส่วน บิล เกตส์ เจ้าพ่อไมโครซอฟต์นั้น รั้งอันดับ 2

          เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ฟอร์บส์ นิตยสารด้านการเงินและธุรกิจชื่อดังของอเมริกา ได้เปิดเผยอันดับเหล่าอภิมหาเศรษฐีของโลกประจำปี 2013 โดยพบว่า คาร์ลอส สลิม เฮลู และครอบครัว เจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมในเม็กซิโก ยังคงครองบัลลังก์อภิมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกอยู่ ด้วยมูลค่าความร่ำรวยสุทธิที่ 7.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.18 ล้านล้านบาท) ขณะที่ ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือ บิล เกตส์ เจ้าพ่อไมโครซอฟต์ชาวอเมริกัน ที่มีมูลค่าความร่ำรวยสุทธิอยู่ที่ 6.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2 ล้านล้านบาท) นั่นเอง ขณะที่ 10 อันดับ อภิมหาเศรษฐีของโลกประจำปี 2013 ได้แก่

คาร์ลอส สลิม เฮลู

 1.  คาร์ลอส สลิม เฮลู และครอบครัว (Carlos Slim Helu)
เจ้าของธุรกิจด้านโทรคมนาคม
มูลค่าความร่ำรวยสุทธิ : 7.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.18 ล้านล้านบาท)
ประเทศ : เม็กซิโก

บิลล์ เกตส์

 2. บิลล์ เกตส์ (Bill Gates)
เจ้าของธุรกิจไมโครซอฟต์ และการลงทุน
มูลค่าความร่ำรวยสุทธิ : 6.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2 ล้านล้านบาท)
ประเทศ : อเมริกา

อมันซิโอ ออร์เตกา

 3. อมันซิโอ ออร์เตกา (Amancio Ortega)
เจ้าของธุรกิจแฟชั่น แบรนด์ ซาร่า
มูลค่าความร่ำรวยสุทธิ : 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.7 ล้านล้านบาท)
ประเทศ : สเปน

 4. วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)
เจ้าของบริษัทเบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway)
มูลค่าความร่ำรวยสุทธิ : 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.6 ล้านล้านบาท)
ประเทศ : อเมริกา

 5.ลาร์รี่ย์ เอลลิสัน (Larry Ellison)
ซีอีโอบริษัทออราเคิล
มูลค่าความร่ำรวยสุทธิ : 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.28 ล้านล้านบาท)
ประเทศ : อเมริกา

 6. - 7. ชาร์ลส์ คอช (Charles Koch) และ เดวิด คอช (David Koch)
เจ้าของกลุ่มธุรกิจหลายประเภท
มูลค่าความร่ำรวยสุทธิ : 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.01 ล้านล้านบาท)
ประเทศ : อเมริกา

 8. ลีกาชิง (Li Ka-shing) หรือ หลี่เจียเฉิง
เจ้าของกลุ่มธุรกิจหลายประเภท
มูลค่าความร่ำรวยสุทธิ : 3.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.24 แสนล้านบาท)
ประเทศ : จีน

 9. ลีลีอาน เบตตองกูร์ (Liliane Bettencourt)
เจ้าของธุรกิจเครื่องสำอาง ลอรีอัล
มูลค่าความร่ำรวยสุทธิ : 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.94 แสนล้านบาท)
ประเทศ : ฝรั่งเศส

 10. แบร์นาร์ด อาร์โนลต์ (Bernard Arnault)

เจ้าของธุรกิจในกลุ่ม แอลวีเอ็มเอช (LVMH : Louis Vuitton Moet Hennessy)
มูลค่าความร่ำรวยสุทธิ : 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.64 แสนล้านบาท)
ประเทศ : ฝรั่งเศส

      ส่วนอันดับเศรษฐีรายอื่นที่น่าสนใจ ได้แก่ แลร์รี่ เพจ และเซอร์เกย์ บริน สองเจ้าพ่อกูเกิล ปีนี้ครองอันดับ 20 และ 21, เจฟฟ์ เบโซส ซีอีโอ amazon.com ครองอันดับ 19, มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก เจ้าพ่อเฟซบุ๊ก ปีนี้ตกจากอันดับ 35 ลงไปอยู่อันดับ 66, ส่วนเจ้าสัวซีพี ธนินท์ เจียรวนนท์ ผู้ครองตำแหน่งรวยที่สุดในประเทศไทยนั้น ติดอันดับที่ 58 และเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าสัวเบียร์ช้าง ติดอันดับที่ 82 จากการจัดอันดับของฟอร์บส์ประจำปีนี้

วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

หลักสูตรนักดิ่งพสุธา
ทางรีสอร์ทของเรามีอุปกรณ์ครบครันรุ่นใหม่และทันสมัยที่สุดสำหรับฝึก รวมไปถึงครูฝึกของเราได้รับการฝึกหลักสูตรครูฝึกนักดิ่งพสุธามีความเชียวชาญและมีประสบการณ์สูง ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องอย่างเป็นทางการจากสมาคมกีฬากระโดดร่มแห่งสหรัฐอเมริกา (USPA, United State Parachute Association)
สำหรับนักดิ่งพสุธาฝึกหัดจะต้องกระโดดทั้งหมดจนครบ 25 ครั้ง ก่อนที่จะสอบขอใบอนุญาตได้ โปรแกรมการฝึกเป็นไปตามขึ้นตอนมาตรฐานของสมาคมกีฬากระโดดร่มแห่งสหรัฐอเมริกาที่ทางรีสอร์ทของเราเป็นสมาชิกอยู่ ขั้นตอนการฝึกมีทั้งหมด 8 ขั้นตอน กระโดด 9 ครั้ง โดยจะฝึกทักษะควบคู่ไปกับความมั่นใจ เริ่มจากวิชาภาคพื้น, ฝึกการควบคุมร่างกายขณะบินอยู่กลางอากาศ, ฝึกการควบคุมร่ม, ฝึกความปลอดภัยในกรณีฉุกเฉิน, ฝึกพับร่ม, ฝึกทักษะความรู้ความเข้าใจในเรื่องของอุปกรณ์ต่างๆ, ความรู้เรื่องกฎการกระโดดร่มต่างๆ ทั้งหมดนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองและบุคคลอื่น



การฝึกทั้ง 8 ขึ้นตอนแบ่งเป็น A-H
Category A
เป็นขั้นแรกของการฝึก โดยจะเรียนความรู้ภาคพื้นและนักเรียนจะโดดประมาณ 1-2 ครั้ง โดยการโดดแบบแทนดั้ม (Tandem Skydive) ครูฝึกจะช่วยดูแลเครื่องอุปกรณ์และขั้นตอนความปลอดภัยต่างๆให้ โดยนักเรียนจะได้ฝึกเรื่องของการทรงตัวกลางอากาศ การเปิดร่มและการควบคุมทิศทางร่มด้วยตัวเอง
Category B
ด้วยการโดดแทนดั้มครั้งที่สองและสาม นักเรียนจะสามารถควบคุมการตกและการทรงตัว, การดูเครื่องวัดความสูง, การเปิดร่มโดยปลอดภัยได้ ขั้นนี้นักเรียนจะได้ฝึกขั้นตอนความปลอดภัยต่างๆ ขั้นตอนปฏิบัติเมื่ออุปกรณ์มีปัญหา ขั้นตอนการบังคับร่มเพื่อลงพื้นโดยปลอดภัย เพื่อเตรียมพร้อมที่จะโดดด้วยตัวเอง
Category C
ขั้นนี้นักเรียนจะได้โดดร่มด้วยร่มของตัวเองสองครั้ง โดยมีครูฝึกโดดลงมาด้วยพร้อมกันและคอยประคองจับให้อยู่ข้างๆ จนเมื่อเห็นว่านักเรียนสามารถควบคุมร่างกายได้นิ่งแล้วจึงจะปล่อยมือ นักเรียนจะมีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อสามารถควบคุมร่มและลงถึงพื้นได้ด้วยตัวเองทั้งหมด
Category D
เมื่อมีความมั่นใจมากขึ้นสามรถควบคุมร่มได้ลงพื้นได้อย่างปลอดภัยแล้ว ขั้นนี้นักเรียนจะได้ฝึกการเคลื่อนไหวร่างกายขณะกำลังตก โดยจะได้ฝึกเลี้ยว 90 องศา 180 อาศา และ 360 องศา ขณะกำลังตก ใช้การกระโดดประมาณ 2-3 ครั้ง นักเรียนจะได้เรียนการควบคุมร่มขั้นสูงเพิ่มเติมเพื่อจะได้สนุกกับการควบคุมร่มมากขึ้น
นักเรียนจะได้เรียนรู้เรื่องร่มเพิ่มขึ้น วิธีการเตรียมร่มขั้นตอนปฏิบัติเมื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน อุปกรณ์อัตโนมัติและระบบสำรองต่างๆ และนักเรียนยังจะได้ฝึกมองหาพื้นสำหรับการกระโดดจากบนเครื่องบิน โดยสามารถบอกทิศทางนักบินได้
Category E
เมื่อนักเรียนสามารถควบคุมร่างกายเลี้ยวซ้ายขวาได้ ควบคุมร่มได้แล้ว ขั้นตอนนี้จะเป็นการฝึกท่าผาดแผลงต่างๆกลางอากาศขณะกำลังตก ได้แก่ ม้วนหน้า ม้วนหลัง ม้วนข้าง นักเรียนส่วนใหญ่จะทำได้ด้วยการกระโดดประมาณ 3-4 ครั้งเมื่อนักเรียนสามารถทำได้จนได้มาตรฐานตามที่กำหนดแล้ว ครูฝึกจะลงชื่อรับรองให้ นักเรียนสามารถโดดได้เอง โดยไม่ต้องมีครูฝึกคอยประกบอีกต่อไป
ขั้นตอนนี้นักเรียนจะได้รับการสอนการพับร่มของตัวเอง และแน่นอนที่สุดเมื่อนักเรียนมั่นใจในการแพคร่ม และครูฝึกตรวจสอบว่าเรียบร้อยดีแล้ว นักเรียนจะได้กระโดดร่มที่ตัวเองเป็นคนพับ ทั้งนี้เฉพาะร่มหลักเท่านั้น ส่วนร่มสำรองนักเรียนจะไม่ได้รับอนุญาตให้พับ โดยผู้ที่จะพับร่มสำรองได้จะต้องโดยผู้มีใบอนุญาตพับร่มสำรองเท่านั้น
Category F
เป็นการฝึกเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสอบใบอนุญาต คุณจะได้ฝึกโดดกับนักโดดร่มคนอื่นๆที่มีใบอนุญาตแล้ว ฝึกการควบคุมทิศทางและการเปิดร่มในกรณีที่มีนักโดดคนอื่นอยู่ข้างๆ ฝึกขั้นตอนปฏิบัติตอนอยู่บเครื่องบิน ขั้นตอนความปลอดภัย และฝึกมองจุดที่จะกระโดดจากบนเครื่องบิน
Category G and H
ในขั้นตอนนี้ คุณจะได้โดดกับครูฝึกอีกครั้ง โดยครูฝึกจะสอนการกระโดดแบบเกาะหมู่ นักเรียนจะได้ฝึกการควบคุมการตกให้ตกเร็วตกช้าได้ตามต้องการ ฝึกการบินไปในทิศทางที่ต้องการ เพื่อตามนักโดดคนอื่นให้ทัน
นักเรียนจะได้เรียนเพิ่มเติมเรื่องประสิทธิภาพของร่ม การดูสภาพอากาศ วิธีดูแลรักษาอุปกรณ์ต่างๆ และเตรียมพร้อมเพื่อการสอบใบอนุญาต


A License Check Diveเป็นขั้นตอนการสอบใบอนุญาตเพื่อเป็นนักกระโดดร่ม โดยก่อนที่จะมาสอบได้ นักเรียนจะต้องมีการโดดมาแล้วอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 25 ครั้ง โดยจะมีการสอบทั้งทฤษฎาคพื้น การเตรียมพร้อมต่างๆ และการสอบกระโดดจริงโดยผู้ตรวจสอบของทางสมาคมกีฬากระโดดร่มแห่งสหรัฐอเมริกา (USPA, United State Parachute Association) เมื่อทางผู้ตรวจสอบเห็นว่านักโดดสามารถทำได้ผ่านตามมาตรฐานของสมาคม ผู้ตรวจสอบจะรับรอง และออกใบอนุญาตขั้น A ให้ (A-License)

Tsar Podcast E5 HD Vodka Museum (c Русскими субтитрами!!!!)


วอดก้า (Vodka)
 เป็นสุรากลั่นไม่มีสี มันเป็นของเหลวใสเกือบทั้งหมดเป็นน้ำและเอทานอลซึ่งถูกกลั่นให้บริสุทธิ์ — มักจะกลั่นหลายรอบ — จากส่วนผสมหมักอย่างกากน้ำตาลของมันฝรั่ง ธัญพืช (โดยมากเป็นข้าวไรย์หรือข้าวสาลี) หรือหัวบีท และส่วนผสมจำนวนน้อยมาก ๆ จำพวกสารแต่งรสหรือสิ่งเจือปนที่หลุดรอดไป คำว่าวอดก้ามีที่มาจากคำภาษาสลาวิกว่า "voda" (woda, вода) ซึ่งหมายถึง "น้ำ"
วอดก้ามีแอลกอฮอล์ในอัตราส่วน 35-70% โดยปริมาตร ซึ่งเหล้าวอดก้าของรัสเซียจะมีอยู่ 40% จากข้อมูลของพิพิธภัณฑ์วอดก้าในเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ประเทศรัสเซีย นักเคมี Dmitri Mendeleev พบว่า 38% เป็นอัตราส่วนที่ดีที่สุด
แม้วอดก้าจะมีต้นกำเนิดมาจากยุโรป บริเวณประเทศโปแลนด์ ยูเครน และรัสเซีย มันก็เป็นที่นิยมดื่มในหลายแห่งทั่วโลก โดยใช้เป็นส่วนผสมในค็อกเทลสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่น ได้แก่ บรัดดีแมรี เดอะสครูไดรเวอร์ ไวต์รัสเซียน และ วอดก้ามาร์ตินี


http://youtu.be/imEphVR2fw0